Adjective
http://xn--b1acgqhrcbhlicn8c.xn--p1ai/examples-of-adjectives.php
Adjective
-adjective (แอ๊ดแจ็คทีฟว์) แปลว่า “คำคุณศัพท์” -คำคุณศัพท์ คือคำที่ใช้ขยายคำนามและคำสรรพนาม ซึ่งแบ่งการขยายออกเป็น 2 ชนิด คือ:-
1.ขยายโดยตรง
2.ขยายโดยอ้อม
ขยายโดยตรง
-ถ้าคำแอ๊ดเจคทีฟว์ขยายคำนามโดยตรงต้องวางคำคุณศัพท์ตัวนั้นไว้ข้างหน้าคำนามเสมอ เช่น:-
-The beautiful girl goes to school.
=เด็กหญิงสวยคนนั้นไปโรงเรียน.
-beautiful เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามคือ girl นี้เป็นการขยายโดยตรง
-My benign mother loves me very much.
=แม่ใจดีของหนูรักหนูมาก.
-benign เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามคือ mother นี้เป็นการขยายโดยตรง -Chanisa is a smart woman.
=ชนิสาเป็นผู้หญิงที่ฉลาด.
-smart เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามคือ woman นี้เป็นการขยายโดยตรง ขยายโดยอ้อม
-ถ้าคำแอ๊ดเจคทีฟว์ขยายคำนามโดยอ้อม ใช้ขยายได้ทั้งที่เป็นคำนามและคำสรรพนามที่อยู่ข้างหน้าของมัน -ขยายคำนาม เช่น:-
-That girl is beautiful.
=เด็กหญิงคนนั้นสวย.
-beautiful เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำนามคือ girl
-Nuchanart is wise.
=นุชนารถเป็นผู้หญิงที่ฉลาด.
-wise เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำนามคือ Nuchanart
-ขยายคำสรรพนาม เช่น:-
-He is good.
=เขาเป็นคนดี.
-good เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำสรรพนามคือ He
-She is genial.
=หล่อนใจดี.
-genial เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำสรรพนามคือ She
หน้าที่ของคำคุณศัพท์
-คำคุณศัพท์ (adjective) มีหน้าที่ในประโยค 6 อย่างดังนี้
1.ใช้ขยายคำนาม (noun)
2.ใช้ขยายคำสรรพนาม (pronoun)
3.ใช้ขยายคำคุณศัพท์ (adjective)
4.ใช้ขยายคำกิริยาวิเศษณ์ (adverb)
5.ใช้วางไว้หลังกิริยาที่แสดงถึงวามรู้สึก
6.ใช้วางไว้หลังคำนามและคำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของคำกิริยา
ใช้ขยายคำนาม (noun)
-adjective เมื่อใช้ขยายคำนามจะมีตำแหน่งในการขยายอยู่ 2 ประการ คือ:-
1.ขยายโดยตรง
2.ขยายโดยอ้อม
ขยายโดยตรง
-ถ้าใช้ขยายโดยตรงจะวางคำคุณศัพท์ไว้ข้างหน้าคำนาม เช่น:-
-He is a strong man.
=เขาเป็นคนแข็งแรง.
-stong เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำนามโดยตรงคือ man
-Blind people often went astray.
=คนตาบอดมักจะเดินหลงทาง.
-blind เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามโดยตรงคือ people
ขยายโดยอ้อม
-ถ้าใช้ขยายโดยอ้อมจะวางคำคุณศัพท์ไว้ข้างหลัง Verb to be เช่น:-
-She is tall.
=เธอเป็นคนสูง.
-tall เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำสรรพนามโดยอ้อมคือ she
-Maneerat is really beautiful.
=มณีรัตน์สวยจริงๆ.
-beautiful เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามโดยอ้อมคือ Maneerat
ใช้ขยายคำสรรพนาม (pronoun)
-adjective เมื่อใช้ในการขยายคำสรรพนามมักจะวางไว้ข้างหลัง verb หรือ verb to be ซึ่งเป็นกิริยาของคำสรรพนามตัวนั้นเสมอ เช่น:-
-You are kind.
=คุณใจดี.
-kind เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายสรรพนามคือ you
-I am sorry.
=ฉันเสียใจ. หรือ ฉันขอโทษ.
-sorry เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายสรรพนามคือ I
-It is not good.
=มันไม่ดี.
-good เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายสรรพนามคือ It
-You run a lot faster.
=คุณวิ่งเร็วมาก.
**ประโยคนี้ขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายโปรดสังเกตดูให้ดี คำคุณศัพท์คือ faster วางไว้ข้างหลัง verb คือ run ที่ไม่ใช่ verb to be ก็ได้ และ faster ยังมีคำคุณศัพท์คือ a lot เข้าขยาย faster อีก ก็ยังได้
ใช้ขยายคำคุณศัพท์ (adjective)
-adjective ใช้ขยายคำคุณศัพท์ด้วยกันก็ได้ เช่น:-
-You are real pretty.
=คุณเป็นคนสวยอย่างแท้จริง.
-real เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำคุณศัพท์ตือ pretty
-Good hard work will make us strong.
=การทำงานหนักดีจะทำให้พวกเราแข็งแรง.
-good เป็นคำแอ๊ดเจคทีฟว์ที่ใช้ขยายคำแอ๊ดเจคทีฟว์ด้วยกันคือ hard
-She was the most beautiful young in the town .
=เธอเป็นสาวสวยที่สุดในเมืองนี้.
**ประโยคนี้ขอให้ผู้ศึกษาโปรดสังเกตดูให้ดี young เป็นคำแอ๊ดเจคทีฟว์และมีคำแอ๊ดเจคทีฟว์มาขยายมันอีก 3 ตัว คือ beautiful most และ the นี่ก็เป็นการแสดงให้เราเห็นว่าคำแอ๊ดเจคทีฟว์จะขยายคำแอ๊ดเจคทีฟว์ด้วยกันกี่ตัวก็ได้
ใช้ขยายคำกิริยาวิเศษณ์ (adverb)
-adjective ใช้ขยายคำกิริยาวิเศษณ์ก็ได้ เช่น:-
-He is good really.
=เขาเป็นคนดีจริงๆ.
-good เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำกิริยาวิเศษณ์คือ really
-She speaks a lot softly.
=เธอพูดเบามาก.
-a lot เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำกิริยาวิเศษณ์คือ softy
-I shall go all over of the world.
=ข้าพเจ้าจะไปทั่วทุกมุมโลก.
-all เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายกิริยาวิเศษณ์คือ over
-of the world เป็น adjective phras ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย adverb คือ over
-A bad person makes self afflicted always.
=คนชั่วทำตนเองให้เดือดร้อนเสมอ
-afficted เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายกิริยาวิเศษณ์คือ always
ใช้วางไว้หลังกิริยาที่แสดงถึงความรู้สึก
-adjective ใช้วางไว้หลังคำกริยาที่แสดงถึงความรู้สึก เช่น feel, smell, look, taste, become, seem, get, sound, remain
-ถึงแม้ว่าจะวางคำคุณศัพท์ไว้หลังคำกิริยาเหล่านี้แต่ตัวของมันเองก็ทำหน้าที่ขยายประธานด้วย เช่น:-
1.feel (ฟีล) แปลว่า “รู้สึก,สำนึก” เช่น:-
-Naratep feels happy in his success.
=นรเทพรู้สึกมีความสุขในความสำเร็จของเขา.
-I feel glad to see you.
=ฉันรู้สึกดีใจที่ได้พบคุณ.
-She feels sad for husband’s defeat.
=หล่อนรู้สึกเศร้าใจสำหรับความพ่ายแพ้ของสามี.
2.smell (สะเมล) แปลว่า “ดมกลิ่น” เช่น:-
-This food smells good.
=อาหารนี้มีกลิ่นดี.
-Those flowers smell sweet.
=ดอกไม้เหล่านั้นมีกลิ่นหอมหวน.
3.look (ลุค) แปลว่า “มอง,ดู,ตรวจสอบ,ตรวจดู” เช่น:-
-He looked straight ahead confidently.
=เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างมันใจ.
-He looks about her health.
=เขาตรวจดูเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ.
-He looks back behind to see his girlfriend.
=เขามองย้อนกลับไปข้างหลังเพื่อจะดูแฟนสาวของเขา.
4.taste (เทสท์) แปลว่า “ชิมรส,ลิ้มรส” เช่น:-
-This cake tastes fantastic.
=เค้กนี้รสชาติดี.
-He had tasted outdoor life, didn't want to come home.
=เขาได้ลิ้มรสชีวิตนอกบ้านแล้ว,ไม่ต้องการที่จะกลับมาบ้าน.
5.become (บีคัม) แปลว่า “กลายเป็น” เช่น:-
-We became interested in the property last year.
=พวกเรากลายเป็นที่น่าสนใจในกองมรดกปีที่แล้ว.
-It eventually became clear that he had lied.
=ในที่สุดมันก็กลายเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “เขาได้โกหก”.
6. seem (ซีม) แปลว่า “ดูเหมือนว่า” เช่น:-
-Now seems nice; his car seems to be running well.
=ตอนนี้ดูเหมือนจะดี,รถยนต์ของเขาดูเหมือนว่าจะวิ่งดี.
-Even minor problems seem important.
=ปัญหาทั้งหลายแม้เล็กน้อยก็ดูเหมือนว่าสำคัญ.
7.get (เกท) แปลว่า “เอา,ได้,ได้รับ” เช่น:-
-He gets real man to come to help him.
=เขาได้รับคนจริงที่จะมาช่วยเหลือเขา.
-You'll get a lot of benefit from a trip abroad.
=คุณจะได้รับผลประโยชน์จำนวนมากจากการเดินทางไปต่างประเทศ.
8.sound (เซาน์ดฺ) n. เสียง vi.,vt. ทำให้เกิดเสียง,ปล่อยเสียง,ได้ยิน,ประกาศ,ปรากฎ,ประกาศ, ออกเสียง,ใช้เครื่องตรวจฟังเสียง เช่น:-
-He sounds a lot noise at annoying.
=เขาได้ยินเสียงที่น่ารำคาญมาก.
-It sounds great!
=มันฟังดูดี.
9.remain (รีเมน) แปลว่า “คงเหลือ,ยังอยู่,คงอยู่,ค้าง,เหลืออยู่,พักอยู่,รอนแรม” เช่น:-
-Little things remained after the fire.
=สิ่งเล็กๆน้อยๆยังอยู่หลังจากไฟไหม้แล้ว.
-One thing remains doubtful.
=สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่น่าสงสัย.
ใช้วางไว้หลังคำนามและคำสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมของคำกิริยา
-ใช้วางไว้หลังคำนามและคำสรรพนาม ซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมของคำกิริยา เช่น:-
-ใช้วางไว้หลังคำนามที่เป็นกรรม เช่น:-
-I make my mom happy.
=ฉันทำให้แม่มีความสุข.
-He helps Evan stupid.
=เขาช่วยเหลืออีแวนผู้โง่เขลา.
-I love Manisa real real.
=ผมรักมนิสาจริงๆ.
-ใช้วางไว้หลังคำสรรพนามที่เป็นกรรม เช่น:-
-She drives herself crazy.
=เธอทำให้ตัวเองให้เป็นบ้าไปแล้ว.
-I see them sunny.
=ฉันเห็นพวกเขาสบายใจ.
-The teacher likes to teach students gifted.
=ครูคนนั้นชอบสอนนักเรียนที่มีพรสวรรค์.
-ตัวอย่างการเรียงลำดับความสำคัญของคำคุณศัพท์ เช่น:-
-She is a pretty young big tall chinese.
=หล่อนเป็นชาวจีนรูปร่างสูงใหญ่สาวสวยน่ารักคนหนึ่ง.
-ประโยคนี้มีคำคุณศัพท์มาขยาย Chinese อยู่ 5 ตัว คือ a pretty young big tall การเรียงลำดับความสำคัญของคุณศัพท์
ถ้าหากมีการใช้ adjective หลายๆ ตัวขยายคำนาม จะมีรูปแบบการเรียงลำดับคำ adjective ดังนี้
-Article or quality size age shape color nationality material noum
-possessive or - - - - - - - -
-determiner or
-ordinal or
-cardinal
-A lovely - old - red - plastic box
=A lovely old red plastic box =กล่องพลาสติคสีแดงเก่าน่ารักใบหนึ่ง
-that - small - round - - wood table
=that small round wood table =โต๊ะไม้กลมเล็กๆตัวนั้น
-two pretty - young - - Thai - actrasses
=two pretty young Thai actresses =นักแสดงสาวชาวไทยที่สวยงามสองคน
-The first two modren large - - - America - castles
=The first two modren large American castles = คฤหาสน์อเมริกาหลังใหญ่นำสมัยสองหลังแรก
1. quality(ควอล'ลิที) n. คุณภาพ
2.size (ไซ) แปลว่า “ขนาด, ปริมาตร”
3.age (เอจ) แปลว่า “อายุ”
4.shape (เชพ) แปลว่า “รูปร่าง”
5.color (คอเลอร์) แปลว่า “สี, สีสัน”
6.nationality (แนช'ชะแนล'ลิที) n. สัญชาติ
6.material (เเมททีเรียล) แปลว่า “วัตถุ, วัสดุ”
7.origin (ออริจิน) แปลว่า “ที่มา,บ่อเกิด,แหล่งที่เกิด”
ตัวอย่างการเรียงคุณศัพท์:-
-Pretty white tall two young Chinese =สองหนุ่มสาวชาวจีนร่างสูงผิวขาวหน้าตาสดสวย
ชนิดของคุณศัพท์
-Adjective (แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์" แบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ:-
1. Descriptive Adjective (ดิสคริพทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์บอกลักษณะ"
2. Proper Adjective (พร็อพเพอร์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์บอกสัญชาติ"
3. Quantitative Adjective (ควอนทิเททีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์บอกปริมาณ"
4. Numberal Adjective (นัมเบอะรัล แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน"
5. Demonstrative Adjective (เดมอนสเทรทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แลว่า "คุณศัพท์ชี้เฉพาะ"
6. Interrogative Adjective (อินเทอรอกกะทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์บอกคำถาม"
7. Possessive Adjective (โพสเซสซีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) "คุณศัพท์บอกเจ้าของ"
8. Distributive Adjective (ดิสทริบบิวทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์แบ่งแยก"
9. Emphasizing Adjective (เอ็มฟะไซซิง แอีดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์เน้นความ"
10. Exclamatory Adjective (เอ็คซคลามมะโทรี่ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์บอกอุทาน"
11. Relative Adjective (รีเลทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์สัมพันธ์"
12.Comparison Adjective (คอมแพริซัน แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์ขั้นเปรียบเทียบ"
Descriptive Adjectives
-Descriptive adjective (ดิสคริพทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) คือคำคุณศัพท์ที่ใช้บอกลักษณะและคุณสมบัติต่างๆของคำนามและคำสรรพนามว่ามีลักษณะอย่างไร เช่น:- good bad tall short fat thin clever foolish poor rich brave Cowardly pretty ugly โดยมีวิธีบอกลักษณะดังนี้
Good
-good (กู๊ด) แปลว่า “ดี”
-good บอกลักษณะของนาม เช่น:-
-Good idea has a benefit for self a lot.
=ความคิดที่ดีมีประโยชน์สำหรับตัวเองมาก.
-good คุณศัพท์ตัวนี้ทำหน้าที่บอกลักษณะนามคือ idea
-good บอกลักษณะของสรรพนาม เช่น:-
-She is good.
=หล่อนเป็นคนดี.
-good คุณศัพท์ตัวนี้ทำหน้าที่บอกลักษณะสรรพนามคือ she
Bad
-bad (แบด) แปลได้ 12 อย่าง คือ:-
1.เลว =bad, infamous, evil, corrupt, poor, unspeakable
2.เสีย =waste, bad, defective, rancid, ulcerated, worn-out
3.ต่ำ =low, depressed, down, inferior, bad, shoddy
4.ชั่ว =evil, wicked, bad, vile, foul, immoral
5.ไม่ดี =evil, graceless, ill, impure, no-good, bad
6.ชั่วร้าย =unclean, enormous, evil, felon, felonious, bad
7.ผิดศีลธรรม =immoral, impure, licentious, wrongful, abandoned, bad
8.เหม็นเน่า =bad
9.ไม่แม่น =bad
10.ป่วยเจ็บ =bad
11.เป็นโทษ =bad
12.แรง =frenetic, impetuous, intensive, bad
-bad ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-A bad person makes self wretched.
=คนชั่วทำให้ตนเองให้เศร้าหมอง.
-bad ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-He is bad.
=เขาเป็นคนชั่ว.
Tall
-tall (ทอล) แปลว่า “สูง”
-tall บอกลักษณะนาม เช่น:-
-A tall building is dangerous.
=ตึกสูงเป็นอันตราย.
-tall บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-She is tall.
=หล่อนสูง.
Short
-short (ชอร์ท) แปลว่า “สั้น, เตี้ย”
-short ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-The short skirt is Taiwan's.
=กระโปรงสั้นตัวนั้นเป็นของไต้หว้น.
-short บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-It is very short.
=มันสั้นมาก.
Fat
-fat (แฟท) แปลว่า “อ้วน”
-fat ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Fat people tend to have high pressure.
=คนอ้วนมีแนวโน้มที่จะมีความดันสูง.
-fat ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-He is fat.
=เขาอ้วน.
Thin
-thin (ธิน) แปลว่า “ผอม, บาง”
-thin ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Thin peopel have little force.
=คนผอมมีแรงน้อย.
-thin ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-She is thin.
=หล่อนผอม.
Clever
-clever (เคลฟเวอะ) แปลว่า “ฉลาด”
-clever ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Clever people have good wit.
=คนฉลาดมีปัญญาดี.
-clever ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-They are clever.
=พวกเขาฉลาด.
Foolish
-foolish (ฟูลิช) แปลว่า “โง่”
-foolish ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Foolish person was the victim of a wise man.
=คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด.
-foolish ใช้บอกลักษณะสรรพนาม
-They are foolish.
=พวกเขาโง่.
Poor
-poor (พัวร์) แปลว่า “ยากจน”
-poor ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Poor people often laze.
=คนยากจนมักจะขี้เกียจ.
-poor ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-We are poor.
=พวกเรายากจน.
Rich
-rich (ริช) แปลว่า “รวย,ร่ำรวย”
-rich ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Rich people often brave to determine.
=คนรวยมักกล้าที่จะตัดสินใจ.
-rich ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-He is rich.
=เขาเป็นคนร่ำรวย.
Brave
-brave (เบรฟว์) แปลว่า “กล้าหาญ”
-brave ใชบอกลักษณะนาม เช่น:-
-Oratai is a brave girl.
=อรทัยเป็นเด็กหญิงกล้าหาญ.
-brave ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-She is brave good.
=หล่อนกล้าหาญดี.
Cowardly
-cowardly (เคาเอิดลิ) แปลว่า “ขี้ขลาด”
-cowardly ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Prapai is a cowardly lady.
=ประไพเป็นสุภาพสตรีที่ขี้ขลาด.
-cowardly ใช้บอกลัษณะสรรพนาม เช่น:-
-She is cowardly.
=หล่อนขี้ขลาด.
Pretty
-pretty (เพรททิ) แปลว่า “สวย (สวยแบบน่ารัก), สวยเก๋”
-pretty ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Varichra is a pretty woman.
=วริชราเป็นผู้หญิงที่สวยน่ารัก.
-pretty ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-She is really pretty.
=หล่อนสวยน่ารักจริงๆ.
Ugly
-ugly (อั๊กลี่) แปลว่า “น่าเกลียด”
-ugly ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-Wannee is a ugly girl.
=วรรณีเป็นเด็กหญิงขี้เหร่.
-ugly ใช้บอกลักษณะสรรพนาม เช่น:-
-She is ugly.
=หล่อนขี้เหร่.
ฯลฯ
Proper Adjective
-Proper adjective (พร็อพเพอร์ แอ๊ดเจคทีฟว์) คือคำคุณศัพท์ที่เป็นสัญชาติ เช่น:-
English American Thai Chinese Japanes Indian Italian German French เช่น:-
-John employs a chinese cook.
=จอห์นจ้างพ่อครัวชาวจีนคนหนึ่ง.
-Do you learn French literature?
=คุณเรียนวรรณคดีฝรั่งเศสหรือ?
-The English language is used by every nation.
=ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ.
-Thai language is the language that has tone marks.
=ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์.
-Japanese characters are like Chinese characters.
=อักขระภาษาญี่ปุ่นเหมือนอักขระภาษาจีน.
Demonstrative Adjective
Demonstrative Adjective (เดมอนสะเทรทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า “นิยมคุณศัพท์ " คือ คำคุณศัพท์ที่ใช้นำหน้าคำนามคือ คน สัตว์ สิ่งของ พูดให้ฟังง่ายๆก็คือคุณศัพท์ที่ต้องมีคำนามตามมาข้างหลังเสมอ เช่น:-
-a, an, the
-a (เอ) แปลว่า “หนึ่ง, อันหนึ่ง, ตัวหนึ่ง, สิ่งหนึ่ง, บางครั้งอาจจะไม่มีคำแปลใส่เข้ามาเพื่อให้รู้ว่าคำนามนั้นเป็นนามที่นับได้ มีรูปเป็นเอกพจน์เท่านั้น” เช่น:-
-A cow is shearing grasses under the tree.
=วัวตัวหนึ่งกำลังเล็มหญ้าอยู่ใต้ต้นไม้.
-A bag is on the table.
=กระเป๋าใบหนึ่งอยู่บนโต๊ะ. หรือแปลว่า “กระเป๋าอยู่บนโต๊ะ”
-an (แอน) แปลว่า “หนึ่ง, อันหนึ่ง, ตัวหนึ่ง, สิ่งหนึ่ง" บางครั้งอาจจะไมมีคำแปลใส่เข้ามาเพื่อให้รู้ว่าคำนามนั้นเป็นนามนับได้มีรูป เป็นเอกพจน์เท่านั้น
-an ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-An umbrella puts near pail of flower.
=ร่มคันหนึ่งวางไว้ใกล้กระถางดอกไม้. หรืออาจจะแปลว่า “ร่มชันไว้ใกล้กระถางดอกไม้”
-an ใช้บอกลักษณะนาม เช่น:-
-There is an inn at this village.
-มีโรงแรมอยู่หลังหนึ่งที่หมู่บ้านนี้. หรืออาจจะแปลว่า "มีโรงแรมที่หมู่บ้านนี้ หรือ ที่หมู่บ้านนี้มีโรงแรม"
-the (เฑอะ) แปลว่า "นี่,นี้,นั่น,นั้น, บางทีอาจจะไม่แปล" ใช้นำหน้าคำนามเพื่อให้รู้ว่า the ใช้นำหน้าคำนามได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
-the ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นเอกพจน์ เช่น:-
-The girl learns English in the hall.
=เด็กหญิงคนนั้นเรียนภษาษอังกฤษในห้องโถง.
-The duck bird floats above the water.
=นกเป็ดลอยเหนือน้ำ.
-the ใช้นำหน้าคำนามที่เป็นพหูพจน์ เช่น:-
-The teachers in my school teach English well.
=ครูทั้งหลายในโรงเรียนของผมสอนภาษาอังกฤษดี.
-The singers in the restraurant sing sweet.
=นักร้องทั้งหลายในภัตตาคารนั้นร้องเพลงไพเราะ.
the บางครั้งอาจจะไม่มีคำแปลก็ได้ เช่น:-
-The boy good brain learns diligent.
=เด็กชายสมองดีขยันเรียน.
-The people in Thailand most respect Buddhism.
=ประชาชนในประเทศไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา.
Quantitive Adjective
Quantitive Adjective (ควอนทิทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คำคุณศัพท์บอกปริมาณ" หมายถึง คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนาม เพื่อบอกให้ทราบปริมาณของสิ่งเหล่านั้นว่า มีมากหรือน้อย (แต่ไม่บอกจำนวนแน่นอน)ได้แก่ much, many, little, some, any, enough, half, great, all, whole, sufficent, etc.
-He ate much rice at school yesterday.
=เขากินข้าวมากที่โรงเรียนเมื่อวานนี้.
-Linda did not give any money to her younger brother.
=ลินดาไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน.
-Take great care of your health.
=เอาใจใส่ต่อสุขภาพของคุณให้มากหน่อย.
- much, any, great ในประโยคทั้ง 3 เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ
Numberal Adjective
Numberal Adjective (นัมเบอะรัล แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน" หมายถึง คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนาม เพื่อบอกจำนวนแน่นอนของนามว่ามีเท่าไหร่ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ:-
4.1 Cardinal Numberal Adjective (คาร์ดินัล นัมเบอะรัล แอ๊ดเจคทีฟว์) คือ คุณศัพท์ที่ใช้บอกจำนวนนับที่แน่นอนของนาม ได้แก่ one, two, three, four, five, six, seven, eight nine ten etc. เช่น:-
-She gave me two apples and three oranges
=หล่อนให้แอปเปิ้ลสองผล และส้มสามผลแก่ฉัน.
-Bill wants to buy seven pens.
=บิลต้องการซื้อปากกาเจ็ดด้าม.
- two, three, seven เป็นคุณศัพท์บอกจำนวนที่แน่นอนวางไว้หน้านาม
4.2 Ordinal Numberal Adjective (ออร์ดินัล นัมเบอะรัล แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆได้แก่ first, second, third, fifth, sixth, seventh, eighth ninth tenth etc. เช่น:-
-Tom is the first boy to be rewarded in this school.
=ทอมเป็นเด็กคนแรกที่จะได้รับรางวัลในโรงเรียนนี้.
-first คือคุณศัพท์บอกลำดับที่ทำหน้าที่ขยายนามคือ boy
-to be rewarded ทำหน้าที่เป็น adjective cause ขยายคำนามคือ boy
-Sam won the third prize last month and the second one last week.
=แซมได้รับรางวัลรางวัลที่สามเดือนที่ผ่านมาและครั้งที่สองหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา.
-I am the seventh son of my family.
=ฉันเป็นลูกคนที่ 7 ของครอบครัว.
-first, third, second, seventh เป็นคุณศัพท์บอกลำดับที่วางไว้หน้านาม
4.3 Multiplicative Adjective (มัลทิพลิเคทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์บอกจำนวนทวี, เพิ่มขึ้น, คูณ" ได้แก่ double, triple, fourfold เช่น:-
-Some roses are double.
=ดอกกุหลาบบางดอกก็มีกลีบ 2 ชั้น.
-Buddha, Dhamma, and Sangha are triple gems.
=พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ คือแก้ว 3 ประการ
-ข้อสังเกต : double, triple, เป็นคำคุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม
Demonstrative Adjective
-Demonstrative adjective คือ คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์หมายถึง คําที่ชี้เฉพาะให้กับนามใดนามหนึ่ง ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์), these ,those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same เช่น:-
-I invited that man to come in.
-ฉันได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน.
-Jan hated such things because they made her ill.
=แจนเกลียดสิ่งเหล่านั้นเพราะมันทําให้เธอไม่สบาย.
-They said the same thing two or three times.
=พวกเขาพูดถึงสิ่งเดียวกันนี้2หรือ3ครั้งแล้ว.
- that,such,same เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม
Interrogative Adjective
-interrogative adjective (อินเทอรอกกะทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) "คุณศัพท์บอกคําถาม" หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อให้เป็นคําถามโดยจะวางไว้ ต้นประโยคและมีนามตามหลังเสมอ ได้แก่ what, which, whose เช่น:-
what
-What book is he reading in the room ?
=เขากําลังอ่านหนังสืออะไรอยู่ในห้องนั้น.
-What book is this ?
=นี้คือหนังสืออะไร ?
-What water is in the glass ?
=น้ำอะไรอยู่ในแก้วนั้น ?
-What bird floats above water ?
=นกอะไรลอยอยู่เหนือน้ำ.
-What fruit is in the basket ?
=ผลไม้อะไรอยู่ในตะกร้านั้น ?
Which
-Which way shall we go ?
=เราจะไปทางไหนกันนี่ ?
-Which pen will you take ?
=คุณจะเอาปากกาด้ามไหน ?
-Which buffalo do you select ?
=คุณเลือกควายตัวไหน ?
Whose
-Whose shoes are these?
=รองเท้านี้เป็นของใคร ?
-Whose dog is this ?
=นี้คือสุนัขของใคร ?
-Whose house is in the forest ?
=บ้านของใครอยู่ในป่านั้น ?
- what,which,whose เป็นคุณศัพท์บอกคําถามอยู่หน้าประโยค
-Interrogative adjective มีวิธีใช้ดังนี้
1.what เมื่อใช้เป็นคุณศัพท์ต้องตามด้วยคำนามเสมอ แปลว่า "อะไร" ใช้ได้ทั้งกับคน สัตว์ และสิ่งของ เพื่อถามเกี่ยวกับการเลือก ปริมาณหรือคุณลักษณะ จากจำนวนที่ไม่มีขอบเขตคือใช้ถามในความหมายกว้างๆ เช่น:-
-What fish is in the pus ?
=ปลาอะไรอยู่ในหนองนั้น ?
-in the pus เป็น noun phrase ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
-what ทำหน้าที่เป็น interrogative adjective ขยาย fish
-fish เป็นคำนาม ทำหน้าที่เป็น compliment ทำให้ประโยคเกิดความสมบูรณ์
-is เป็นกิริยาของประโยค
-What fish is this ?
=นี้คือปลาอะไร ?
2.which ใช้ประกอบกับคำนามโดยการวางไว้หน้าคำนาม แปลว่า "คนไหน ตัวไหน สิ่งไหน" ใช้ขยายนามเกี่ยวกับการเลือกเอาจากกลุ่มหรือหมู่ใดหมู่หนึ่งที่มีจำนวนจำกัด แคบกว่า what เช่น:-
-Which girls of the two is your fiance ?
=บรรดาเด็กสาวสองคนนั้นคนไหนเป็นคู่หมั่นของคุณ ?
-fiance เป็นประธานของประโยคเพราะฉะนั้นกิริยาของประโยคจึงเป็น is
-Which boys of the three is her son ?
=บรรดาเด็กชายสามคนนั้นคนไหนเป็นลูกชายของเธอ ?
-son เป็นประธานของประโยคเพราะฉะนั้นกิริยาของประโยคจึงเป็น is
3.whose ใช้ประกอบคำนามโดยวางไว้หน้าคำนามตัวที่มันขยาย แปลว่า "ของใคร" ใช้ถามว่าใครเป็นเจ้าของ
เช่น:- Whose home is that ?
=นั่นเป็นบ้านของใคร ?
-Whose daughter are you ?
=คุณเป็นลูกสาวของใคร ?
Possessive Adjective
Possessive adjective (โพสเซสซีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) คือ คุณศัพท์บอกความเป็นเจ้าของ หมายถึง คําคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกความเป็นเจ้าของของนาม ได้แก่ my our your his her its และ their เช่น:-
-This is my table.
=นี่คือโต๊ะของฉัน.
-Her pen is on our desk.
=ปากกาของหล่อนอยู่บนโต๊ะของพวกเรา.
-Your country needs solidarity.
=ประเทศของคุณต้องการความสามัคคี.
-His parents work hard every day.
=พ่อแม่ของเขาทํางานหนักทุกวัน.
-Her mother is kind.
=แม่ของเธอใจดี.
-Its tail tears.
=หางของมันขาด.
-Their homes were burnt.
=บ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้.
-ข้อสังเกต : my our your his her its their เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม
Distributive Adjective
Distributive adjective (ดิสทริบบิวทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) "คุณศัพท์ แบ่งแยก" หมายถึง คําคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนาม เพื่อแยกนามออกจากกันเป็น อันหนึ่ง หรือส่วนหนึ่งได้แก่ each (แต่ละ), every (ทุกๆ), either (ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither (ไม่ทั้งสอง) เช่น:-
-The two men had each a gun.
=ชายสองคนนี้มีปืนคนละกระบอก.
-Every soldier is punctually in his place.
=ทหารทุกคนตรงต่อเวลาในสถานที่ของเขา.
-Either side is a narrow lane.
=ไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่งเป็นซอยแคบ.
-Neither accusation is true.
=ข้อกล่าวหาทั้งสองข้อไม่เป็นความจริง.
-ข้อสังเกต: each every either neither เป็นคุณศัพท์แบ่งแยกมาขยายนาม
Emphasizing Adjective
-Emphasizing Adjective (เอ็มฟะไซซิง แอีดเจคทีฟว์) "คุณศัพท์ เน้นความ" หมายถึงคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อเน้นความให้มีน้ำหนักขึ้น ได้แก่ own (เอง) very (ที่แปลว่า แท้,นั้นเอง,นั้นจริงๆ) เช่น:-
-Linda said that she had seen it with her own eyes.
=ลินดาพูดว่าหล่อนได้เห็นมันมากับตาเธอเอง.
-He is the very man who stole my wrist watch last night.
=เขาคือชายคนนั้นผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของฉันไปเมื่อคืนที่แล้ว.
-Jan is my own girl-friend.
=แจนนเป็นแฟนผมเอง.
-ข้อสังเกต : own very เป็นคุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังของมันให้มีนําหนักมากขึ้น
EXclamatory Adjective
-Exclamatory Adjective (เอ็คซคลามมะโทรี่ แอ๊ดเจคทีฟว์) "คุณศัพท์บอกอุทาน" หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยาย นามเพื่อให้เป็นคําอุทาน ได้แก่ what เช่น:-
-What a man he is !
=เขาเป็นผู้ชายอะไรนะเนี่ย !
-What an idea it is !
=มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ !
-What a piece of work he does !
=อะไรเป็นชิ้นงานที่เขาจะทำ !
-ข้อสังเกต:- what ในประโยคที่หนึ่ง ใช้ขยายนามคือ man
-what ในประโยคที่สองใช้ขยายนามคือ idea
-what ในประโยคที่สามใข้ขยายนามคือ work
Relative Adjective
-Relative Adjective(รีเลทีฟว์ แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์สัมพันธ์" หมายถึง คุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามที่ตามหลังและในขณะเดียวกันก็ยังทําหน้าที่คล้ายส้นธานเชื่อมความในประโยคของตัวเองกับประโยคข้างหน้าให้สัมพันธ์กันอีกด้วย ได้แก่
1.what แปลว่า " แท้ๆ เท่าที่"
-what ใน Relative adjective ไม่ได้แปลว่า "อะไร" จงจำเอาไว้ให้ดี เช่น:-
-I want what beautiful woman as wife.
=ฉันต้องการผู้หญิงที่สวยแท้ๆเป็นภรรยา.
-Give me what money you have.
=จงให้เงินเท่าที่คุณมีแก่ฉัน.
-He will read what book he wishes.
=เขาจะอ่านหนังสือเท่าที่เขาต้องการ.
2.whichever แปลว่า "ไม่เอา ไม่ชอบ ไม่สนใจ" เช่น:-
-I will take whichever horse you don t want.
=ฉันจะนําเอาม้าตัวที่คุณไม่ต้องการ.
-I don't speak whichever word you don't wish to hear.
=ฉันไม่พูดคำที่คุณไม่อยากฟัง.
-I shall help whichever woman in this room before I will leave.
= ผมจะช่วยผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจที่อยู่ในห้องนี้ก่อนที่ผมจะจากไป.
ข้อสังเกต : What, Whichever เป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีก ด้วย
Comparison Adjective
-Comparison adjective (คอมแพริซัน แอ๊ดเจคทีฟว์) แปลว่า "คุณศัพท์ขั้นเปรียบเทียบ" การเปรียบเทียบคุณศัพท์ในไวยกรณ์อังกฤษแบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ:-
1. ขั้นธรรมดา ( positive degree ) เพื่อแสดงความเท่าเทียมกัน บอกลักษณะหรือปริมาณโดยทั่วไป เช่น:-
-beautiful สวย
-long ยาว
-much มาก (ใช้กับนามนับไม่ได้)
-little น้อย (ใช้กับนามนับไม่่ได้)
-few น้อย (ใช้กับนามนับได้)
-many มาก (ใช้กับนามนับได้)
2. ขั้นสูงกว่า ( comparative degree ) เพื่อเเสดงความมากน้อยกว่ากัน เช่น:-
-more beautiful สวยกว่า
-longer ยาวกว่า
-more มากกว่า
-less น้อยกว่า (ใช้กับนามนับไม่่ได้)
-fewer น้อกว่า (ใช้กับนามนับได้)
3. ขั้นสูงสุด ( superlative degree ) เพื่อแสดงความมากที่สุด เช่น:-
-( the ) most beautifulสวยที่สุด
-( the ) longestยาวที่สุด
-( the ) mostมากที่สุด
-( the ) leastน้อยที่สุด (ใช้กับนามนับไม่่ได้)
-( the ) fewestน้อยที่สุด (ใช้กับนามนับได้)
-การเปรียบเทียบในขั้นสูงสุดมักจะมี the นำหน้า
การใช้ Adjective ในการเปรียบเทียบ
- เมื่อใช้ประกอบหน้านาม ( attributive use )
-ขั้นธรรมดา: She is a beautiful girl.
-ขั้นมากกว่า: She is a more beautiful girl than the other one.
-ขั้นมากที่สุด: She is the most beautiful girl in our class.
-เมื่อใช้หลัง verb to be ( predicative use ) หรือกริยาอื่นซึ่งเทียบเท่า verb to be ( เช่น become, look, seem, etc. )
-ขั้นธรรมดา: She is beautiful.
-ขั้นมากกว่า: She is more beautiful than her sister.
-ขั้นมากที่สุด: She is the most beautiful in our class.
-การเปลี่ยนแปลงรูปของ Adjective ในการเปรียบเทียบ
1. คำพยางค์เดียวเตืม er และ est
ขั้นธรรมดา ขั้นกว่า ขั้นสูงสุด
Positive Comparative Superlative
tall (ทอล) =สูง taller (ทอลเลอะ) =สูงกว่า tallest (ทอลเลสท์) =สูงที่สุด
small (สะมอล) =เล็ก smaller (สะมอลเลอะ) =เล็กกว่า smallest (สะมอลเลสท์) =เล็กที่สุด
high (ไฮ) =สูง higher (ไฮเออ) =สูงกว่า highest (ไฮเอสท์) =สูงที่สุด
hard (ฮาร์ด) =หนัก harder (ฮาร์ดเดอะ) =หนักกว่า hardest (ฮาร์ดเดสท) =หนักที่สุด
fast (ฟาสทฺ) =เร็ว faster (ฟาสเทอะ) =เร็วกว่า fastest (ฟาสเทสทฺ) =เร็วที่สุด
slow (สโล) =ช้า slower (สโลเวอะ) =ช้ากว่า slowest (สโลเวสทฺ) =ช้าที่สุด
loud (เลาดฺ) =ดัง louder (เลาเดอะ) =ดังกว่า loudest (เลาเดสทฺ) =ดังที่สุด
2. คำพยางค์เดียวมีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ต้องเพิ่มตัวสะกดอีกตัวหนึ่ง ก่อนเติม er และ est เสมอ เช่น:-
big (บิ๊ก) =ใหญ่ bigger (บิกเกอะ) ใหญ่กว่า biggest (บิ๊กเกสทฺ) =ใหญ่ที่สุด
fit (ฟิท) =เหมาะ fitter (ฟิทเทอะ) =เหมาะกว่า fittest (ฟิทเทสทฺ) =เหมาะที่สุด
thin (ธิน) =บาง thinner (ธินเนอะ) =บางกว่า thinnest (ธินเนสทฺ) =บางที่สุด
3.ถ้ามี e ลงท้ายอยู่เเล้ว ให้เติมเฉพาะ r และ est เช่น:-
large (ลาร์จ) =ลาร์จ larger (ลาร์เจอะ) =ใหญ่กว่า largest (ลาร์เจสทฺ) =ใหญ่ที่สุด
late (เลท) =สาย,ช้า later (เลเทอะ) =สายกว่า,ช้ากว่า latest (เลเทสทฺ) =สายที่สุด,ช้าที่สุด
4.คำลงท้ายด้วย y เปลี่ยน y เป็น i แลัวจึงเติม er และ est
happy (แฮพพี่) =สุข happier (แฮพพิเออะ) =สุขกว่า happiest (แฮพพิเอสทฺ) =สุขที่สุด
pretty (เพรททิ) =สวย prettier (เพรททิเออะ) =สวยกว่า prettiest (เพรททิเอสทฺ) =สวยที่สุด
5. คำ 2 พยางค์ซึ่งลงท้ายด้วย er, ow หรือ y อาจเติม more, most ข้างหน้า หรือเติม er, est ข้างท้ายก็ได้
slender (สะเลนเดอะ) slenderer (สะเลนเดอะเออ) slenderest (สะเลนเดอะเรสทฺ)
=เองบางร่างน้อย =เอวบางร่างน้อมากกว่า =เอวบางร่างน้อยมากที่สุด
slender more slender most slender
shallow (เชลโล) =ตื้น shallower (เชลโลเวอะ) =ตื้นกว่า shallowest (เชลโลเวสทฺ) =ตื้นที่สุด
shallow more shallow most shallow
6. คำ 2 พยางค์ซึ่งไม่ลงท้ายด้วย er, ow หรือ y โดยปกติเติม more, most ข้างหน้า
selfish (เซลฟิช) more selfish (มอร์เซลฟิช) most selfish (โมซทฺ เซลฟิช)
=เห็นแก่ตัว =เห็นแก่ตัวมากกว่า =เห็นแก่ตัวมากที่สุด
fluent (ฟลู'เอินทฺ) more fluent (มอร์ ฟลูเอินทฺ) most fluent (โมสทฺ ฟลูเอินทฺ)
=พูดคล่อง =พูดคล่องมากกว่า =พูดคล่องมากที่สุด
useful (ยูสฟุล) more useful (มอร์ ยูสฟุล) most useful
=มีประโยชน์ =มีประโยชน์มากกว่า =มีประโยชน์มากที่สุด
honest (ออนเนสทฺ) more honest (มอร์ ออนเนสทฺ) most honest
=ซื่อสัตย์ =ซื่อสัตย์มากกว่า =ซื่อสัตย์มากที่สุด
7. คำ 3 พยางค์ขึ้นไป ต้องเติม more, most เสมอ เช่น:-
difficult (ดิฟฟิคัลทฺ) more difficult (มอร์ ดิฟฟิคัลทฺ) most difficult (โมสท์ ดิฟฟิคัลท์)
=ยาก =ยากมากกว่า =ยากมากที่สุด
intelligent (อินเทลลิเจ็นท์) more intelligent (มอร์ อินเทลลิเจ็นท์) most intelligent (โทซท์ อินเทลลิเจ็นท์)
=ฉลาด =ฉลาดมากกว่า =ฉลาดมากที่สุด
beautiful (บิวทิฟุล) more beautiful (มอร์ บิวทิฟุล) most beautiful (โมซท์ บิวทิฟุล)
=สวย =สวยมากกว่า =สวยมากที่สุด
คำ Adjective เปรียบเทียบที่ไม่เป็นตามกฏ ( Irregular Comparison )
ขั้นธรรมดา ขั้นกว่า ขั้นสูงสุด
Positive Comparative Superlative
good (กู๊ด) =ดี better (เบทเทอะ) =ดีกว่า best (เบสทฺ) =ดีที่สุด
bad (แบด) =เลว worse (วอร์ส) =เลวกว่า worst (วอร์สทฺ) =เลวที่สุด
much, many (มัช,เมนิ) =มาก more (มอร์) =มากกว่า most (โมซทฺ) มากที่สุด
little (ลิทเทิล) =น้อย less (เลส) =น้อยกว่า least (ลีสทฺ) =น้อยที่สุด
far (ฟาร์) =ไกล farther (ฟาร์เธอะ) =ไกลมากกว่า farthest (ฟาร์เธสทฺ) =ไกลที่สุด (ระยะทาง)
far (ฟาร์) =ไกล further (เฟอเธอ) =ไกลกว่า furthest (เฟอเธสทฺ) =ไกลที่สุด (เหนือ)
ใช้ as + adjective + as
เมื่อต้องการแสดงความเท่าเทียมกัน
-This boy is as big as that one.
=เด็กชายคนนี้ใหญ่เท่ากับเด็กคนหนึ่งนั้น.
-You are as tall as I am.
=คุณสูงเท่ากับฉัน.
เมื่อต้องการเเสดงความไม่เท่าเทียมกัน
-This boy is not as big as that one.
=เด็กชายคนนี้ไม่ใหญ่เท่ากับเด็กชายคนหนึ่งนั้น.
-You are not as tall as I am.
=คุณไม่สูงเท่ากับฉัน.
-I do not work as hard as you do.
=ฉันไม่ทำงานหนักเท่ากับคุณ.
ใช้ not so + adjective + as แทน as.....as ก็ได้
-This boy is not so big as that one.
=เด็กชายคนนี้ใหญ่ไม่เท่าเด็กคนนั้น.
-You are not so tall as I am.
=คุณสูงไม่เท่าฉัน.
-I do not work so hard as you do.
=คุณทำงานไม่หนักเท่ากับฉัน.
*ข้อยกเว้น: ในการใช้ Adjecive บางตัวเมื่อใช้ขยายนาม
-การ ใช้ Adjecive ที่ใช้ขยายนามหรือประกอบคำนามตามหน้าที่ 6 ข้อนั้น หมายถึง Adjecive ทั่วไปเท่านั้น แต่ถ้าเป็นAdjective ที่จะกล่าวต่อไปนี้แล้วมีวิธีใช้ขยายนามหรือประกอบนาม ได้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น คือ ประกอบหน้านาม หรือเรียงหลังกริยา จะใช้ทั้ง 2 อย่างไม่ได้ นั้น คือ:-
1.Adjective - Equivalent (แอ๊ดเจคทีฟว์ เอ็คคิววาเลนท) แปลว่า "คำที่เทียบเท่ากับคำคุณศัพท์" คือ "คำที่ใช้เสมือนเป็นคำคุณศัพท์" แบ่งออกเป็น 7 ชนิด คือ
1.1 คำนาม (Noun) ที่นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามด้วยกันได้ แต่ให้วางไว้หน้าคำนามตัวที่มันไปขยายนั้นทุกครั้งเสมอ เช่น:-
-Belford University is the place for online studies.
=มหาวิทยาลัยเบลฟอร์ดเป็นสถานที่สำหรับการศึกษาวิชาออนไลน์.
-Belford ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายคำนามคือ University
-My younger brother wishes to study at Suan Dusit College.
=น้องชายของฉันประสงค์จะเรียนที่วิทยาลัยสวนดุสิต.
-Suan Dusit เป็นคำนามที่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ college
-They have worked in New York City for two years.
=พวกเขาได้ทำงานอยู่ที่เมืองนิวยอร์คเป็นเวลา 2 ปีแล้ว.
-New York เป็นนามที่นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามที่ตามหลัง คือ City
**หมายเหตุ:- การนำเอาคำนามมาใช้เป็นคำคุณศัพท์นี้อาจจะนำเอามาขยายหลายคำก็ได้ เช่น:-
-The 11th prime minister of Thailand Chom Phon Sarit Thanarat.
=นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของประเทศไทยคือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
-คำนามที่นำเอาใช้เป็นคุณศัพท์ในข้อนี้คือ:-
1.prime minister
2.Thailand
3.Chom Phon
1.2 คำนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ โดยมี Apostrophe (อะโพสโทรฟี่ 's ) มาควบอยู่ข้างบนนั้น นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามได้ และให้เรียงไว้หน้านามตัวนั้นเสมอ เช่น:-
-John's house was built in Denver five years ago.
=บ้านของจอห์นได้สร้างไว้ที่เดนเวอร์ เมื่อ 5 ปีมาแล้ว.
-John's เป็นคำนามที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายคำนามคือ house
-The teacher's table is larger than the table of students.
=โต๊ะของครูใหญ่กว่าโต๊ะของนักเรียน.
-teacher's เป็นคำนามที่ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ที่นำมาใช้บยายคำนามคือ table
1.3 Infinitive with to ( to + V.1) นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามหรือสรรพนามก็ได้ แต่ต้องวางไว้หลังนามหรือสรรพนามตัวที่มันขยายที่มันขยายเสมอ เช่น:-
-He has no money to give me to buy a pen.
=เขาไม่มีเงินที่จะให้ฉันเพื่อจะซื้อปากกา.
-to give เป็น infinitive with to ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ money
-to buy เป็น infinitive with to ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนามคือ me
-This book is good for you to read.
=หนังสือเล่มนี้ดีสำหรับคุณที่จะอ่าน.
-to read เป็น infinitive with to ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนามคือ you
1.4 Participle (v. + ing) นำมาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามได้ และใช้วางไว้หน้านามที่มันไปขยายทุกครั้ง เช่น:-
-The standing boy is afraid of the running dog.
=เด็กชายที่ยืนอยู่กลัวสุนัขที่วิ่งมา.
-standing เป็น participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ boy
-running เป็น participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ dog
1.5 Gerund (กริยานาม คือ Verb เติม ing แล้วนำมาใช้อย่างนาม) ใช้เป็น Adjective ขยายนามได้และวางไว้หน้านามนั้นตลอดไป เช่น:-
-Now she is waiting for you in the meeting room.
=เดี๋ยวนี้หล่อนกำลังรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม.
-meeting เป็น gerund ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ room
1.6 Phrase (วลีทุกชนิด) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามหรือสรรพนามก็ได้ ตำแหน่งการวางวลีคุณศัพท์นั้นอยู่หน้านามก็มี อยู่หลังนามก็มี เช่น:-
-ใช้วางไว้หน้านาม เช่น:-
-In this room There is only man.
=ในห้องนี้มีผู้ชายเพียงคนเดียว.
-in this room เป็นนามลี ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ man แต่ในประโยคนี้เอาไปวางไว้ต้นประโยคเพราะต้องการจะเน้นข้อความ
-On one corner of the world people still there are adversity.
=บนมุมหนึ่งของโลกประชาชนยังมีความทุกข์ยากลำบากอยู่.
-On one corner of the world เป็นนามวลี
-ใช้วางไว้หลังนาม เช่น:-
-He wants to buy home on the corner.
=เขาต้องการที่จะซื้อบ้านที่อยู่มุมถนนนั้น.
- on the corner เป็นนามวลีมาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนาม home ที่อยู่ข้างหน้า
-There is an office in upstairs of this building.
=มีสำนักงานอยู่ห้องหนี่งในชั้นบนของอาคารหลังนี้.
-in upstairs of this building เป็นนามวลีทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ office
Subordinate clause
-Subordinate Clause (ซับบอร์ด่ดิเนท คลอส คืออนุประโยคย่อย) นำมาใช้เป็น Adjective ขยายนามได้ และให้วางไว้หลังนามที่ไปขยายทุกครั้ง เช่น:-
-This is the house that Jack built.
=นี้คือบ้านที่แจ๊คสร้างเอาไว้.
- that Jack built เป็น Subordinate Clause ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ house และต้องวางไว้ข้างหลังนามเสมอ
-I know Mr. Clinton whom you want to see.
=ฉันรู้จัก มิสเตอร์คลินตัน ผู้ซึ่งคุณต้องการพบ.
-whom you want to see เป็น Subordinate Clause ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามคือ Mr.Clinton ซึ่งวางอยู่ข้างหลังนาม
คุณศัพท์ที่มีคุณลักษณะพิเศษ
-มี คุณศัพท์ที่มีลักษณะพิเศษในการใช้อยู่จำพวกหนึ่ง เมื่อมันเป็นคุณศัพท์ในขั้นธรรมดาคือ positive degree มันจะเป็น adverb คือกิริยาวิเศษณ์ แต่ถ้ามันเป็น Comparative degree และ superlative degree มันจะกลับกลายเป็นคุณศัพท์ กิริยาวิเศษณ์ทั้งหลายเหล่านี้มี 5 ตัว คือ:-
Positive Comparative Superlative
far (ฟาร์) farther (ฟาร์เธอะ) farthest (ฟาร์เธสทฺ) =ไกล, ไกลกว่า, ไกลที่สุด
far (ฟาร์) further (เฟอเธอะ) furthest (ฟาร์เธสทฺ) =ไกล, ไกลกว่า, ไกลที่สุด
in (อิน) inner (อินเนอะ) innermost (อินเนอะโมสทฺ) =ใน, ในกว่า, ในที่สุด
out (เอาทฺ) outer (เอาเทอะ) outermost (เอาเทอะโมสทฺ) =นอก, นอกกว่า, นอกที่สุด
out (เอาทฺ) utter (อัทเทอะ) utmost (อัทโมสทฺ) =นอก, นอกกว่า, นอกที่สุด
beneath (บีนีธ) nether (เนเธอะ) nethermost (เนเธอะโมสทฺ) =ข้างใต้, ข้างใต้กว่า, ข้างใต้ที่สุด
up (อั๊พ) upper (อั๊พเพอะ) uppermost (อั๊พเพอะโมสทฺ) =ขึ้นไป, ขึ้นไปกว่า, ขึ้นไปที่สุด
**หมายเหตุ:- คำคุณศัพท์ที่ที่อยู่ในช่องของ positive เป็นได้ทั้ง adjective และ adverb ส่วนคำที่อยู่ในช่องของ Comparative และ superlative เป็นคุณศัพท์อย่างเดียว เช่น:-
-My house is far.
=บ้านของฉันอยู่ไกล.
-far ในประประโยคนี้ขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายโปรดสังเกตดูให้ดีมันเป็นได้ทั้ง adjectiv และ adverb
-My house is farther.
=บ้านของฉันอยู่ไกลกว่า.
-father ในประโยคนี้เป็น adjective คือคุณศัพท์อย่างเดียว
-Your bedroom is high up.
=ห้องนอนของคุณอยู่สูงขึ้นไป.
-up ในประโยคนี้เป็น adverb ขยาย adverb คือ high
-Her bedroom is uppermost high.
=ห้องนอนของเธออยู่สูงบนสุด.
-uppermost ในประโยคนี้ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ คือ adjective ขยายกิริยาวิเศษณ์คือ high
No comments:
Post a Comment