Powered By Blogger

Wednesday, January 25, 2023

เรียนภาษาอังกฤษแบบเข้าใจง่าย หน้าที่ 12 Vocabulary

          วิธีจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ

     

   สวัสดีนักเรียนและผู้ศึกษาทั้งหลายบัดนี้เราก็มาถึงบทสุดท้ายในการเรียนภาษาอังกฤษแล้ว  ข้าพเจ้าจะนำเอาวิธีจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาเสนอ การเรียนภาษาอังกฤษคำศัพท์นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในการเรียน ถ้าท่านไม่รู้คำศัพท์แล้วท่านจะไปเรียนไวยกรณ์อังกฤษส่วนอื่น เช่น  part of speech คือส่วนแห่งคำพูด    sentence คือประโยค     tense คือกาล  ไม่ได้เลยเพราะ ส่วนแห่งคำพูด, ประโยค, และกาล ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากคำศัพท์ทั้งสิ้น  ถ้าท่านจำคำศัพท์และความหมายของมันไม่ได้ท่านก็จะอ่าน, พูด, ฟัง, และเขียน ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย  คนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็เพราะเขาจำคำศัพท์ไม่ได้  เวลาไปเจอฝรั่งๆถามก็ไม่รู้เรื่องเพราะไม่รู้ว่าเขาถามอะไร  ถ้าฟังรู้เรื่องแต่ถ้าจำคำศัพท์ไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร  เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงพูดได้เต็มปากว่า "คำศัพท์เป็นหัวใจสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ"  คนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษเพราะคนไทยจำคำศัพท์ได้น้อยหรือไม่ได้เลย ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่งเรียนจบปริญญาตรีแต่มีความกลัวภาษาอังกฤษมากคือตำราที่เป็นภาษาอังกฤษเขาจะไม่ดูและแตะต้องมันเลย  ข้าพเจ้าเคยถามเขาเกี่ยวกับพยัญชนะในภาษาอังกฤษ 26 ตัว ว่ามีอะไรบ้างเขาก็ตอบไม่ได้ นี้แหละคือจุดอ่อนของคนไทย  ข้าพเจ้าเคยสังเกตเกี่ยวกับตนเอง

   ถ้าตอนไหนเราจำคำศัพท์ได้มากๆเมื่อเจอฝรั่งแล้วเราไม่รู้สึกกลัวฝรั่งเลยมีความกล้าและมีความมั่นใจในการที่จะพูดคุยกับฝรั่ง  นี้แหละครับถ้าเรามีความรู้ก็จะทำให้เราเกิดความกล้าหาญขึ้นมาทันที  ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะได้นำเอาเทคนิคการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาเสนอแก่ท่านทั้งหลายดังนี้

   -วิธีจำคำศัพท์แบ่งออกเป็น  2  ชนิด คือ:-

        1.วิธีจำคำศัพท์แบบท่องจำ

        2.วิธีจำคำศัพท์แบบไม่ท่องจำ

          วิธีจำคำศัพท์แบบท่องจำ     

   -วิธีจำคำศัพท์แบบท่องจำที่มีประสิทธิภาพให้เตรียมเครืองอุปกรณ์ดังนี้ คือ:-

         1.สมุด

         2.ปากกา

         3.คอมพิวเตอร์,แท็บเล็ต,หรือโทรศัพท์

         4.เว็บไซต์เกี่ยวกับคำศัพท์และการออกเสียง       

เช่น:-

               เว็บไซต์คำศัพท์ 2000 คำ จาก Cambridge

                http://cambridgedict.blogspot.com/2012/01/2000.html

               บทสนทนาง่ายๆ 1000 คำศัพท์

               http://www.englishbychris.com/portfolio-items/1000/

              https://www.youtube.com/watch?v=peQXBbutUok

                    เว็บไซต์คำศัพท์ 3000 คำ จาก Oxford

               http://www.oxfordlearnersdictionaries.com/wordlist/english/oxford3000/

                   เว็บไซต์ท่องคำศัพท์ 5000 คำ

               https://www.youtube.com/watch?v=INL8imW1UKQ

                   เว็บไซต์คำศัพท์ทั่วไป

              https://www.youtube.com/watch?v=f2ASArqzbGg

              https://www.youtube.com/watch?v=ugBiW7hINXA

              https://www.youtube.com/watch?v=xxLsSYIWhxU

              https://www.youtube.com/watch?v=hegy93C99N0

                 เว็บไซต์แปลคำศัพท์และการออกเสียง

                  https://translate.google.co.th/

                 https://siamcity.net/translate/

                 https://www.sanook.com/dictionary/

                 https://th.forvo.com/languages/en/

   ผมขอแนะนำให้ทุุกคนรู้จักกับ'Oxford 3000 key words' ครับ  คือ คำศัพย์ 3000 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษหรือพูดง่ายๆก็คือคำศัพท์ 70% ที่ใช้อยู่ทุกวันก็มาจาก 3000 คำนี้แหละครับ หลายคนอาจจะบอกว่า 'เยอะจังตั้ง 3000 แหน่ะ' เยอะ แต่ทุกคำเราได้ใช้แน่นอนครับ สู้ไว้ครับเรามาเริ่มกันเลยครับอันดับแรกเข้าไปที่ ลิ้งค์แรกที่ผมให้ เลื่อนมาข้างล่างสักนิดหนึ่ง เราจะเจอคำศัพท์เรียงกันยาวตามลำดับตัวอักษร(A-Z)ครับ ไม่ต้องกดเข้าไปนะครับ เพราะเราสนใจแค่คำศัพท์และวิธีออกเสียงพอ ถ้ากดเข้าไปเขาจะอธิบายความหมายไว้ในภาษาอังกฤษ หรือพูดง่ายๆคือแปลอังกฤษเป็นอังกฤษอีกทีครับ แต่ถ้าใครจะเข้าไปดูก็ไม่เป็นไรนะครับ ที่นี้วิธีท่องคำศัพท์ของเราก็คือท่องอักษรละ 2 คำต่อวันครับ เอ๊ะ หลายคนอาจจะงง อักษรละ 2 คำต่อวันยังไงหว่า ก็คือวันนี้ให้เราท่องคำศัพท์ให้หมวด A-Z อย่างละสองคำก็จะตกอยู่วันละ 52 คำครับ อาจจะฟังดูเยอะนะ วันละตั้ง 52 ครับ แต่ที่จริงแล้วผมว่ามันก็ไม่เยอะเท่าไหร่นะ แบ่งเวลาท่องออกเป็น 3 ช่วง เช้าท่อง  15 คำ   เที่ยง 15 คำ   เย็น 15 คำ   ที่เหลือก็ก่อนนอน

  ถ้าใครฝืนตัวเองให้ทำจนเป็นนิสัยได้นะ ผมบอกเลยว่าคุณจะพัฒนาเยอะมากครับ แต่ถ้าใครไม่ไหวจริงๆก็ให้ลดมาเหลือ อักษรละ 1 คำต่อวันก็ได้ครับแล้วให้เราจดคำศัพท์ที่เราท่องแต่ละวันลงในสมุดนะครับ จดแค่ภาษาอังกฤษนะครับ คำแปลภาษาไทยไม่ต้องจดก็อย่างที่เคยอธิบายไปในบทความที่แล้วครับ (ลองไปหาอ่านดูตอนที่ 1)  การที่เราไม่จดภาษาไทยไปเนี่ย จะเหมือนเป็นการบังคับให้เราใช้สมองเพื่อจดจำและเมื่อผ่านไป 2-3 วัน เรากลับมาอ่านจะได้ให้สมองใช้เวลานึกคำศัพท์ที่เราแปลความหมายไม่ได้ วิธีนี้แหละครับจะทำให้เราจำศัพท์ได้เร็วมากแล้วไม่ใช้แค่จดอย่างเดียวนะครับ ให้ฟังด้วยจะเห็นว่ามีปุ่มให้กดอยู่ 2 ปุ่ม สีน้ำเงิน กับสีแดง ปุ่ม 2 ปุ่มนี้คือเสียงเจ้าของภาษาพูดคำศัพท์ครับ สีน้ำเงิน คือ สำเนียงอังกฤษ (ฺBritish English)  สีแดง คือ สำเนียงอเมริกัน (American English)  ให้เราเลือกฝึกพูดตาม 1 สำเนียงนะครับ ตามใจชอบเลย ให้ลองอัดเสียงดูว่า เวลาเราพูดตามสำเนียงไหน เสียงเราฟังดูเหมือนมากกว่า หากเสียงเราไปทางสำเนียงอังกฤษ ก็ให้ฝึกพูดตามสำเนียงอังกฤษนะครับ แต่ถ้าไปอีกสำเนียงก็ฝึกตามสำเนียงนั้นต้องฝึกพูดตามและฟังให้ออกด้วยนะครับ เพื่อครั้งหน้าเราได้ยินหรือได้ใช้ จะได้รู้ว่าต้องออกเสียงยังไงให้ฝรั่งเข้าใจเอ่อ อย่าลืมแปลความหมายคำศัพท์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าพูดได้สำเนียงเป๊ะ แต่ไม่รู้ความหมายก็ไม่ไหวนะครับ                          

                 วิธีจำคำศัพท์แบบไม่ท่องจำ

     วิธีจำคำศัพท์แบบไม่ต้องท่องจำ  วิธีนี้เป็นวิธีที่ข้าพเจ้าผู้เขียนตำราเล่มนี้คิดค้นขึ้นมาเพื่อการจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องท่องจำเมื่อตอนวัยเด็กข้าพเจ้าเรียนภาษาอังกฤษในชั้น ม.5 ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่งชื่อว่า "ทองสุข"  เพื่อนคนนี้เขาเก่งในวิชาภาษาอังกฤษมาก ปรากฏว่าเขาจะได้คะแนนมากกว่าทุกๆคนที่อยู่ในชั้น ม.5 ข้าพเจ้าถามเขาว่าทำไมคุณถึงจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้มากกว่าครู  เขาบอกว่าเขาได้ซื้อดิคชั่นนะรี่มาเล่มหนึ่งแล้วก็ฉีกดิคชั่นนะรี่นั้นวันละ 1 แผ่น ดิคชั่นนะรี่ที่ฉีกออกมานั้นเขาจะท่องคำศัพท์ที่มีในแผ่นนั้นให้จำได้หมด เขาใช้เวลาท่องอยู่ 2 ปี เขาก็จำได้หมด  เพราะฉะนั้นเขาจึงจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้มากกว่าครู  พอเรียนจบ ม.6 ต่างคนก็ต่างไปตามเส้นทางแห่งความปราถนาของตนเอง  อีก 10 ปี  ต่อมาข้าพเจ้าได้พบเขาที่วัดพระธาตุพนม ข้าพเจ้าเลยถามเขาว่าคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่จำได้ในสมัยเรียน ม.5 -ม.6 นั้น  ตอนนี้ยังจำได้เหมือนเดิมหรือเปล่า  เขาบอกว่ามันเข้ากลีบเมฆไปหมดแล้วคือลืมไปหมดแล้วเหลือบ้างนิดหน่อยตั้งแต่เรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทวบทวนมันก็เลยลืมหมดข้าพเจ้าจึงมาได้ข้อสรูปว่าการเรียนคำศัพท์โดยวิธีการท่องจำนั้นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง  เพราะเหตุนี้จึงทำให้ข้าพเจ้าคิดหาวิธีจำคำศัพท์แบบไม่ต้องท่องจำ  เมื่อข้าพเจ้าได้มาเรียนต่อที่อินเตอร์เนทยูนิเวอร์ซิตี้ข้าพเจ้าคิดค้นวิธีนี้ขึ้นมาได้  วิธีการมีดังนี้

   หลักการจำคำศัพท์แบบไม่ต้องท่องจำมี 7 ข้อ  

    1.ต้องจำตัวพยัญชนะ 26 ตัว และตัวสระ 5 ตัวให้ได้

    2.ให้หาศัพท์เกี่ยวกับตัวเราและสิ่งใกล้ตัวเราขึ้นมาทีละคำ เช่น เรามองเห็นอากาศที่ว่างเปล่ารอบๆตัวเรา คำว่า "อากาศ"  ในภาษาอังกฤษเรียกว่า "air"   เมื่อได้คำศัพท์คือ air มาแล้ว โปรดสังเกตและจำไว้ให้ดีว่าคำว่า air นั้น ตัว a อยู่หน้าตัว i  ให้จำแค่นี้ท่านก็จะเขียนและจดจำคำศัพท์ได้ถูกต้องไปตลอดชีวิตโดยไมต้องท่องจำเลย  คำศัพท์คำเดียวคือ air  เราสามารถทำให้มันขยายคำศัพท์ออกไปอีก 6 คำ คือ:-

        1.เมื่อนำคำว่า "air"  ไปต่อท้าย  ch   ก็จะได้คำศัพท์เพิ่มขึ้นมาใหม่ว่า "chair"   แชร์  แปลว่า "เก้าอี้"

        2.เมื่อเอา air  ไปต่อท้าย d  แล้วก็เติม  y  ข้างหลัง  r   ก็จะเกิดคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาว่า "dairy"   แดรี่  แปลว่า "โรงรีดนม, ร้านขายนม,ฟาร์มนม"

        3.เมื่อเอา air ไปต่อท้าย f  ก็จะเกิดเป็นคำศัพท์ใหม่ว่า fair   แฟร์  แปลว่า "ยุติธรรม, ถูกต้อง, ซื่อสัตย์"

        4.เมื่อเอา air  ต่อท้าย  h  ก็จะเกิดเป็นคำศัพท์ใหม่ว่า "hair"   แฮร์     แปลว่า "ผม"

        5.เมื่อเอา  air   ไปต่อท้าย   L    ก็จะได้คำศัพท์ใหม่ว่า "Lair"    แลร์    แปลว่า "ที่ซ่อน, รังสัตว์, ถ้ำสัตว์"

        6.เมื่อเอา  air    ไปต่อท้าย   p    ก็จะได้คำศัพท์ว่า "pair"     แพร์     แปลว่า "คู่"

          -เมื่อเอา   air    ไปต่อท้าย   พยัญชนะ   26  ตัวก็จะได้คำศัพท์เพิ่มขึ้นมาใหม่อีก  6  ตัวคือ:-

               1.chair             =เก้าอี้

               2.dairy            =โรงรีดนม

               3.fair                =ยุติธรรม

               4.hair              =ผม

               5.lair               =ถ้ำสัตว์

               6.pair              =คู่

           7.คำศัพท์ที่เกิดจาก air อีก  8  คำคือ:-

                   -repair (รีแพร์)             =ซ่อมแซม

                   -airplane (แอร์เพลน)    =เครื่องบืน

                   -airport (แอร์พอร์ท)     =สนามบิน, ท่าอากาศยาน

                   -airsoft (แอร์ซอฟท์)     =ปืนอัดลม

                   -airfield (แอร์ฟิลด์)       =สนามบิน

                   -airship (แอร์ชิพ)         =เรือเหาะ, เครื่องบิน

                   -airbus (แอร์บัส)           =รถปรับอากาศ

                   -airdrom (แอร์โดรม)    =สนามบิน

        คำศัพท์ทั้ง 6 คำเหล่านี้ล้วนเกิดมาจาก  air  ทั้งสิ้น ถ้าท่านเขียน air  ถูกท่านก็จะเขียนคำเหล่านี้ได้ถูกต้องโดยไม่ต้องท่องจำ

       3.สังเกตการเขียนคำศัพท์ให้ถูกก็เป็นการจำที่ดีอีกชนิดหนึ่ง     เช่น:-

             -beautiful    =สวยงาม

           -หลักในการอ่านเช่น   beau - ti - ful       ให้แยกออกมาอ่านอย่างนี้จะทำให้เราจำคำศัพท์นี้ได้อย่างไม่ลืมเลย

           -friend    =เพื่อน

             -อ่านเป็น   fri -end   

           -Thairath     =ไทยรัฐ

            -อ่านเป็น   Thai - rath

           -afraid      =กลัว

             -อ่านเป็น    af - raid

           -greensward    =สนามหญ้า

             -อ่านเป็น    green - sward

          -ถ้าเราเอาคำศัพท์คือ our ที่แปลว่า "ของพวกเรา" ที่เป็นคำ Possessive adjective คือสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ มาใช้ผสมกับคำนามตัวอื่นก็จะเกิดเป็นคำศัพท์อื่นได้ดังนี้เช่น:-

              -four     =4

             -อ่านเป็น    f  -  our

           -tour    =การท่องเที่ยว

             -อ่านเป็น     t - our

           -hour    =ชั่วโมง

             -อ่านเป็น   h - our

  คำศัพท์ทั้ง 3 เหล่านี้เกิดมาจากคำว่า "our" ผสมกับอักษรตัวอื่น จงจำวิธีนี้ให้ดี 

           -their    =ของพวกเขา

             -อ่านเป็น    the - ir

           -frequency (ฟริเควนซี่)    =ความถี่

             -อ่านเป็น    fre - quen - cy

      ให้คิดหาคำศัพท์ที่มักเขียนผิดแยกอ่านแบบนี้จะทำให้เราจำคำศัพท์นั้นอย่างไม่ลืมเลย

      4.การเพิ่มคำศัพท์จากตัวเราและสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว

                   การเพิ่มคำศัพท์จากตัวเรา

              -ตัวอย่างการเพิ่มคำศัพท์จากตัวเราโดยมีหลักในการเพิ่มดังนี้

                 1.ให้นึกจากร่างกายโดยเริ่มตั้งแต่บนมาหาล่าง   เช่น:-

                     -ร่างกาย          คำศัพท์ก็คือ       body (บอดี้)

                     -ผม                   ,,        ,,           hair (แฮร์)

                     -ศีรษะ               ,,        ,,           head (เฮด)

                     -ใบหน้า             ,,        ,,           face (เฟค)

                     -หู                     ,,        ,,           ear (เอีย)

                     -คิ้ว                   ,,        ,,           eyebrow (อายโบร)

                     -ตา                   ,,        ,,           eye (อาย)

                     -จมูก                ,,         ,,           nose (โนส)

                     -ริมฝีปาก          ,,        ,,            labia (เลเบีย)

                     -ปาก                 ,,        ,,           mouth (เมาธ์)

                     -แก้ม                ,,        ,,            cheek (ชีค)

                     -คาง                 ,,        ,,            chin (ชิน)

                     -คอ                   ,,       ,,            neck (เนคค์)

                     -ไหล่                 ,,       ,,            shoulder (โซนเดอะ)

                     -แขน                 ,,       ,,            arm (อาร์ม)

                     -มือ                   ,,       ,,            hand (แฮนดฺ)

                     -ฝ่ามือ               ,,       ,,            palm (พาล์ม)

                     -นิ้วมือ               ,,       ,,            finger (ฟินเกอร์)

                     -ขา                   ,,       ,,            leg (เลก)

                     -หัวเข่า              ,,       ,,            knee (นี)

                     -แข้ง                 ,,       ,,            shin (ชิน)

                     -เท้า                  ,,       ,,            foot (ฟูท)

                     -นิ้วเท้า              ,,       ,,            toe (โท)

                     -ฝ่าเท้า              ,,       ,,            foot sole (ฟูท โซล)

                อย่าลืมจงสังเกตดูการเขียนของคำศัพท์เหล่านี้ด้วยเวลาเขียนจดหมายหรือเรียงความจะได้ไม่เขียนผิด

                 การเพิ่มคำศัพท์จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา

       การเพิ่มคำศัพท์จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา  มีหลักในการเพิ่มดังนี้ให้นึกถึงสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดก่อนแล้วจึงห่างออกไปเรื่อยๆ เช่นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดคือ:-

             -เสื้อผ้า                     ภาษาอังกฤษคือ   clothes (คลอธสฺ)

             -เสื้อ                            ,,            ,,        shirts (เชิร์ทซฺ)

             -กางเกง                      ,,            ,,        pants (แพนท์ซฺ)

             -กระโปร่ง                    ,,            ,,        skirt (สเคิร์ท)

             -เนคไท                       ,,            ,,        necktie (เนคไท)  ผ้าพันคอ               

             -ถุงมือ                         ,,            ,,        glove (กลอฟว์)

             -สร้อยคอ                     ,,            ,,       necklace (เนคเลซ)

             -แหวน                         ,,            ,,       ring (ริง)

             -ถุงเท้า                        ,,            ,,       socks (ซอคซฺ)

             -นาฬิกาข้อมือ              ,,            ,,      watch (วอทชฺ)

             -นาฬิกาแขวน              ,,            ,,      clock (คลอค)

             -โทรศัพท์มือถือ            ,,            ,,      cellphone, mobile  เซลโฟน,โมบาย

             -โทรศัพท์บ้าน              ,,            ,,      home phone (โฮม โฟน)

             -โน๊ตบุ๊ค                       ,,            ,,      notebook (โน๊ทบุค)        

             -คอมพิวเตอร์               ,,            ,,      computer (คอมพิวเตอร์)                  

             -โทรทัศน์                     ,,            ,,      TV, television (ทีวี,เทลลิวิซั่น)

             -วิทยุ                           ,,             ,,     radio (เรดิโอ)

             -โต๊ะ                            ,,             ,,     table, desk  (เทเบิล,เดสคฺ)             

             -เตียง                          ,,            ,,       bed (เบด)

             -ตู้                                ,,            ,,      cabinet (แคบิเนท)    

        นี้คือตัวอย่างที่นำมาแสดงให้ดูเท่านั้น และยังมีอีกเป็นจำนวนมากขอให้ผู้ศึกษานึกขึ้นมาลองดูเมื่อได้คำที่เป็นภาษาไทยแล้ว ต่อไปให้ค้นหาคำศัพท์ที่เป็นภาษาอังกฤษเราก็จะได้คำศัพท์เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ

         5.การนึกหาคำศัพท์ที่อยู่ไกลตัวให้นึกหาคำที่เป็นภาษาไทยก่อนและจึงค้นหาคำที่เป็นภาษาอังกฤษของมัน       เช่น:-

             -ท้องฟ้า                   ภาษาอังกฤษคือ     sky (สะไค)

             -อากาศ                       ,,            ,,         air (แอร์)

             -เมฆ                            ,,            ,,        clouds (เคลาดซฺ)

             -หมอก                         ,,            ,,        fog (ฟอก)

             -ลมและลมพายุ             ,,            ,,        storm, gale (สทรอม,เกล)

             -ดวงอาทิตย์                 ,,            ,,        sun (ซัน)

             -ดวงจันทร์                   ,,            ,,        moon (มูน)

             -ดวงดาว                      ,,            ,,        star (สะทาร์)

             -นก                              ,,            ,,        birds (เบิร์ดซฺ)

             -เครื่องบิน                    ,,            ,,        plane (แพลน)

             -สนามบิน                     ,,            ,,        airport (แอร์พอร์ท)

             -ท่าอากาศยาน             ,,            ,,        airport

             -ถนน                           ,,            ,,        road (โรด) 

             -รถยนต์                       ,,            ,,        car (คาร์)

             -รถจักรยาน                 ,,            ,,        bicycle (ไบซิเคิล)

             -รถจักรยานยนต์, รถมอเตอร์ไซต์   motorcycle (มอเทอะไซเคิล)                 

         6.ใช้วิธีเปรียบเทียบคำศัพท์แล้วจงสังเกตดูข้อแตกต่างของมัน       เช่น:-

                 -mouth (เมาธ์)    แปลว่า "ปาก"

                -mouse (เมาซฺ)    แปลว่า "หนู"

                -mountain (เมาเทน)    แปลว่า "ภูเขา"

                -house (เฮาซฺ)   แปลว่า "บ้าน"

                -household  (เฮาซฺ'โฮลดฺ)    แปลว่า " สมาชิกในครอบครัว,ครัวเรือน"

                -cousin (เคาซิน)    แปลว่า "ลูกพี่ลูกน้อง"

                -hour (เอาเออร์)    แปลว่า "ชั่วโมง"

          คำสํพท์ทั้ง 7 คำเหล่านี้เกิดขึ้นจากสระสองตัวคือ ou      

            -our   เป็นคำสรรพนาม  บุรุษที่ 2 เอาไปเขียนให้เกิดคำศัพท์ขึ้นมาใหม่อีกดังนี้

                   -hour (เอาเออ)    แปลว่า "ชั่วโมง"    

                   -four (โฟร์)    แปลว่า "4"    

                   -tour (ทัวร์)    แปลว่า "การท่องเที่ยว"    

                   -course (คลอร์ส)    แปลว่า "หลักสูตร"

                   -your (ยัวร์)    แปลว่า "ของคุณ"

          นี้คือวิธีเพิ่มคำศัพท์ขึ้นมาใหม่โดยการนำเอาคำศัพท์คำเดียวเขียนขึ้นมาได้อีกหลายคำขอให้ผู้ศึกษาทั้งหลายโปรดสังเกตดูให้ดีตามวิธีที่ข้าพเจ้าแสดงให้ดูนี้  เมื่อท่านทำได้ดังนี้คำศัพท์ใหม่ๆก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ต้องท่องจำ   

          7.ให้อ่านคำศัพท์ในเว็บไซต์วันละ 2  ครั้งอ่านไปสังเกตไปอ่านช้าๆอย่าไปเร็ว ถ้าคำไหนจำยากก็อ่านดูหลายๆเที่ยว  จงเปิดเว็บไซต์ข้างล่างนี้ขึ้นมาอ่านและฟังสำเนียงการออกเสียงไปด้วย  ให้เปิดขึ้นมาอ่านดูทุกวันอย่าได้ขาดคำศัพท์จะได้ซึมซับเข้าไปในสมองของท่านเอง

              http://cambridgedict.blogspot.com/2012/01/2000.html

       
            
https://www.tonamorn.com/vocabulary/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8

   คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย    

           เรียนภาษาอังกฤษจาก Youtube

     

                 คำศัพท์จาก Youtube

   https://www.youtube.com/watch?v=NMZVfaW-dTc

    https://www.youtube.com/results?search_query=%E0%B8%84%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9+%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%86

    เคล็ดลับการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ

  http://www.top-atutor.com/15287999/6-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97

   วิธีจำคำศัพท์ที่ดีที่สุด

  http://www.thairath.co.th/content/324151

     จำแบบไม่ลืม

  https://www.youtube.com/watch?v=FK73MnfvQPU

  วิธีจำคำศัพท์แบบครูโบว์

  https://www.youtube.com/watch?v=rU-X9SEqda0ศัพท์ภา

No comments:

Post a Comment